เมื่อวันที่ 8 เม.ย. พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.)เข้าจับกุม นายพันธ์ย อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ฐานความผิดจงใจทำให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า (หน้ากากอนามัย) อันมีความผิดตามมาตรา 29 และมีโทษตามมาตรา 41 พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งปริมาณตามสถานที่เก็บต้นทุน ค่าใช้จ่ายแผนการผลิต กระบวนการผลิตและวิธีการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นความผิดตามมาตรา 25 และมีโทษตามมาตรา 38 พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการพ.ศ.2542
วันต่อมา 9 เม.ย. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร. พร้อมผู้บังคับบัญชาตำรวจแต่ละหน่วยงานได้ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ถึงวันที่8เม.ย.ที่ผ่านมาหลังมีประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม โดยจับกุมผู้กระทำผิด 328 ราย ยึดของกลางหน้ากากอนามัย 2,587,578 ชิ้น เครื่องวัดอุณหภูมิ 2,764 เครื่อง เจลแอลกอฮอล์ 80,500ลิตรชุดเครื่องตรวจไวรัสโควิด55,048 ชิ้น รวมมูลค่าทั้งหมด 71,959,665 บาท
พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก.กล่าวว่า มีคดีสำคัญที่เกี่ยวข้อง 4 เรื่อง คือ 1.คดีจับกุม นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือเสี่ยบอยมิดไนท์ ที่โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่ามีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ก่อนขยายผลจับกุม นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ พร้อมของกลางหน้ากากอนามัย 2,826 ชิ้น 2.คดีนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊กชื่อ “แหม่มโพธิ์ดำ” นำข้อมูลเท็จของเสี่ยบอยมาแชร์ต่อ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เรื่องการส่งต่อข้อมูลเท็จ โดยตำรวจกำลังสืบหาตัว 3.คดีที่อดีตอธิบดีกรมการค้าภายในแจ้งความต่อโฆษกกรมศุลกากร กรณีแถลงข่าวการส่งออกหน้ากากอนามัย ซึ่งล่าสุด ผู้ร้องทุกข์ได้ถอนแจ้งความ เพราะถือเป็นความผิดส่วนตัว และสำนวนถูกส่งให้อัยการเรียบร้อย สุดท้ายคดีที่ 4.คดีที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปรามการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ว่าสั่งหน้ากากอนามัยกับนายอานนทวัฒน์ วรเมธชยางกูร ซึ่งตำรวจได้จับกุมและให้ประกันตัวไปแล้ว พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การจับกุมนายพันธ์ยศ เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อมโยงพบว่า เป็นตัวการขายหน้ากากอนามัยรายใหญ่ของประเทศ จากพฤติกรรมพบว่า เป็นผู้สั่งนำเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ผลิตเอง แต่จะผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์และสร้างแบรนด์สินค้าเพื่อสร้างคุณค่า ถือเป็นความผิดเกี่ยวข้องกับการผลิต ทั้งนี้ นายพันธุ์ยศ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ล่าสุดได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่หากพบความผิดอื่นก็จะแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้อง แยกเป็นต่างกรรมต่างวาระ อย่างไรก็ตาม ขบวนการกักตุนอนามัยที่ถูกจับกุมครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความขาดแคลนหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ จนมีการกักตุนและมีราคาสูง นอกจากนี้ ยังพบว่ามีคนเกี่ยวข้องกับขบวนการขายหน้ากากนี้อีกจำนวนหนึ่ง ยังไม่พบว่ามีนักการเมือง แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งให้เอาผิดทั้งหมดไม่ยกเว้น
ด้าน พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรมัย ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า คดีการจับกุมนายศรสุวีร์ หรือเสี่ยบอยมิดไนท์ พบพฤติกรรมผู้ต้องหาที่พยายามทำตัวเองเป็นตัวกลางรวบรวมหน้ากากไปขายต่อให้ นายพันธุ์ยศ โดยล็อตที่นำไปขาย ระยะหลังสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ และพยายามสร้างยี่ห้อสินค้าหน้ากากอนามัยของตัวเอง มีทั้งไทยเฮลล์ และอื่นๆ โดยพบว่ามีการขายลิขสิทธิ์สินค้าด้วย ซึ่งตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานทุกมิติ ทั้งหลักฐานการซื้อขาย การติดต่อต่างๆ จนพบว่า มีความเชื่อมโยงบุคคลอื่นๆ 7-8 คน อยู่ในขบวนการนายหน้าซื้อขายเก็งกำไรรายเดียวกัน จึงสามารถออกหมายจับได้ จากนี้จะดำเนินการขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า นายพันธ์ยศ ได้นำเข้าหน้ากากอนามัยจำนวน 513,300 ชิ้น นำไปขายรวมกับที่มีอยู่รวมจำนวน 614,800 ชิ้น ทำให้มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 14,000,961 บาท และนายพันธ์ยศยังได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นอีกหลายคดี แต่เบื้องต้นคดีดังกล่าวยังไม่พบข้อมูลนักการเมืองคนอื่นๆ แต่ในอนาคตไม่แน่ จะต้องสืบสวนกัน ต่อไป
จากการสอบปากคำนายพันธ์ยศ ยังคงให้การปฏิเสธ แต่ให้การเป็นประโยชน์ หลังสอบปากคำเมื่อ วันที่ 8 เม.ย. ได้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี โดยนายพันธ์ยศได้ใช้หลักทรัพย์ ขอยื่นประกันตัว 140,000 บาท หลังจากนี้หากพบว่า เข้าข่ายความผิดอื่นจะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
ส่วนที่เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้แชร์เฟซบุ๊กการไลฟ์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ของนายศรสุวีย์ ก่อนหน้านี้ ถือว่าเข้าข่ายความผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสืบหาตัวตนเจ้าของเพจ
วันต่อมา 10 เม.ย. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. ชี้แจงอีกครั้งถึงกรณีที่ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. แถลงผลการจับกุมเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัย ระบุจะดำเนินคดีต่อแอดมินเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” กรณีแชร์โพสต์ของนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือเสี่ยบอย ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ว่ากรณีดังกล่าวมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า ได้รับความเสียหายจากการที่เพจแหม่มโพธิ์ดำ แชร์โพสต์ดังกล่าว เมื่อมีผู้มาร้องทุกข์ก็ต้องมีการสอบสวนตามกระบวนการ ขณะนี้ยังไม่ได้หมายความว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดแต่อย่างใด โดยยังอยู่ระหว่างกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ชี้ชัดว่าใครผิดใครถูก หลังจากนี้จะมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน หากมีพยานหลักฐานยืนยันว่าไม่มีความผิด พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง ยืนยันการแถลงข่าวของ พล.ต.ต.ปัญญา เป็นขั้นตอนการสอบสวนตามกฎหมาย